ขั้นตอนการทำบั้งไฟ
1. ลำกล้อง นิยม นำลำไม้มาทะลุปล้องและตากให้แห้ง อาจจะใช้ต้นหมาก ลำตาลไม้ประดู่ ไม้เนื้อแข็งที่มีคุณภาพดี ท่อเหล็กแป๊ป ท่อน้ำ หรือเอลสลอน อย่างหนึ่งอย่างใดก็ได้แล้วแต่คณะกรรมการจัดงานกำหนด
2. ตัวบั้งไฟ แบบดั้งเดิมใช้กระบอกไม้ไผ่ขนาดยาว สั้น ตามต้องการของแต่ละคูรมีสูตรไม่แน่นอน ไม่เหมือนกับใช้ไม้ไผ่สดทะลวงปล้อง กลวงกลางข้างในออกลนไฟให้แห้งพันรอบขันชะเนาะด้วยเชือกหวายหรือตอกไม้ไผ่ ควั่นให้แน่นเพื่อกันแตก บรรจุดิน ซึ่งเป็นดินปืนสูตรผสมที่เปฯความลับเฉพาะของช่างทำบั้งไฟนั้น ปัจจุบันตัวบั้งไฟนิยมทำด้วยท่อเหล็กหรือเอลสลอน บางครั้งมีลูกไฟด้วย
3. หางบั้งไฟ ไม้ที่จะใช้ทำหางบั้งไฟจะต้องใช้ไม้ไผ่ยาวๆเรียบๆ พอเหมาะกับม้ำหนังของตัวบั้งไฟมัดติดเข้ากับตัวบั้งไฟให้แน่นเพื่อเป็นหาง บังคบให้พุ่งตรงขึ้นไป
4. หมื้อหรือดินปืน เป็นวัสดุที่มีส่วนผสมกำมะถัน (คนอีสานเรียกว่ามาด )ผสมกับดินระสิว ( คนอิสานเรียกว่าขี้เจีย ) และถ่านที่ได้จากการเผาไม้เนื้ออ่อนเช่น ไม้ละอาง(นนทรี) ไม้สะคร่าง (หมากเล็กหมากน้อย) ไม้มะค่าเพราะมีเขม่าน้อยตำลัเอียดเร็ว นอกจากนี้อาจใช้ไม้ฉำฉา หรือไม้สาบเสือก็ได้ แต่เป็นดินปืนแล้วเขม่ามาก
5. เถียด คือส่วนที่อยู่หัวท้ายของตัวบั้งไฟ ทำด้วยไม้กลมๆ หรือดินเหนียวกันแรงระเบิดพุ่งออกมา ต่อจากเถียดมีดินเหนียวคั่นหมื้อไว้อีกชั้นหนึ่งก่อนใส่เถียดท้ายบั้งไฟต้อง เจาะรูชนวนซึ้งใช้จีวรพระหรือผ้าเก้ามัดให้ยาวตามต้องการ คลุกกับดีเกลื่อบรรจุเตามรูชนวนแล้วปล่อยหางชนวนไว้จุดไฟ
![]() |
1. บั้งไฟแบบมีหาง เป็นแบบมาตรฐานเรียกว่า "บั้งไฟหาง" มีการตกแต่ให้สวยงามเมื่อเวลาเซิ้ง เวลาจุดจะพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าได้สูงมาก ควบคุมทิศทางได้เล็กน้อย
2. บั้งไฟแบบไม่มีหาง เรียกว่า"บั้งไฟก่องข้าว" รูปร่างคล้ายกล่องข้าวเหนืยวชนิดมีขาตั้ง เป็นแฉกถ้าจะเปรียบเทียบให้เห็นชัดก็คล้ายจรวดนั่นเอง
3. บั้งไฟตะไล มีรูปร่างกลมมีไม้บางๆแบนๆทำเป็นวงกลมรอบหัวท้ายของบั้งไฟเวลาพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าจะพุ่งไปโดยทางขวาง
4. บั้งไฟแสน บั้งไฟแสนชนิดนี้เป็นบั้งไฟขนาดใหญ่ที่สุดบรรจุดินปืน 120 กิโลกรัมขึ้นไป บั้งไฟขนาดนี้ทำยากที่สุดจะต้องอาศัยความชำนาญพิเศษเพราะบั้งไฟขนาดนี้ใหญ่ แล้วเป็นอันตรายมาก เพราะฉะนั้นก่อนทำช่างบั้งไฟจะต้องมีพิธีกรรมบวงสวงให้ถูกต้องตามหลักการทำ บั้งไฟแสนเสียก่อนจึง
จะลงมือทำเมื่อทำเสร็จแล้วจะมีการประกอบหางบั้งไฟสั้นยาวตามขนาดเสร็จแล้วจะมีการตกแต่งประดับประดาบั้งไฟ
5. บั้งไฟหมื่น บั้งไฟชนิดนี้เป็นบั้งไฟขนาดกลาง บรรจุดินปืน 15 - 120 กิโลกรัม ขนาดกระบอกกว้าง 3.5 นิ้วยาวประมาณ 140 เซนติเมตร ทำด้วยกระบอกไม้ไผ่กระบอกเหล็ก (เลาเหล็ก) กระบอกพลาสติก (เลาเอสลอน) การจุดบั้งไฟแข่งขันส่วนมากเป็นบั้งไฟหมื่น
บั้งไฟตะไล
บั้งไฟตะไลนี้ ก็คือ บั้งไฟจินายขนาดใหญ่นั่นเอง มีความยาวประมาณ 9 - 12 นิ้ว รูปร่างกลมมีไม้บางๆแบนๆ เป็นวงกลมรอบหัวท้ายของบั้งไฟ เวลาพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าจะพุ่งไปโดยทางขวาง
บั้งไฟม้า
บั้งไฟม้าชนิดนี้ เป็นบั้งไฟจุดตามทิศทางที่กำหนด ใช้เส้นลวดเป็นวิถีตรงไปเป้าหมายที่ต้องการ ลักษณะทั่วไปเป็นบั้งไฟที่ทำจากไม้ไผ่ 1 ปล้อง ขนาดแล้วแต่ต้องการ โดยทั่วไปเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 ฟุต ทางภาคกลางและภาคเหนือเรียกว่า "ลูกหนู"โดยทั่วไปเรียกว่าไฟม้าเพราะนิยมทำรูปม้า ติดข้างบนเวลาจุดไปตามเส้นลวดคล้ายกับม้าเวลาที่กำลังวิ่งถ้าติดรูปอะไรก็จะ เรียกชื่อไปตามนั้น เป็นรูปคนขี่ม้า รูปวัว แล้วแต่จะทำรูปอะไรบางครั้งภาคเหนือเรียกว่า บอกไฟยิง
บั้งไฟตื้อ
บั้งไฟตื้อหรือบั้งไฟกระแตนั้งตอ เป็นบั้งไฟขนาดเล็กมีหางสั้น
วิธีทำ
ตัดกระบอกไม้ไผ่ขนาด 1 นิ้วครึ่ง ยาวประมาณ 3 นิ้ว อัดหมื้อให้แน่นประมาณ 2 นิ้ว ใช้หมื้อขนาดสามส่วนสี่อัดด้วยเถียดไม้ให้แน่น ต่อหางซึ้งทำจากไม้ไผ่เหลาเป็นแท่งเล็กๆใช้เลื่อยตัดมุมข้อออกจนเห็นหมื้อ เจาะให้เป็นรูเล็กๆแล้วติดชนวน เวลาจุดเอาหางเสียบลงไปแท่นที่ตั้งได้จุดชนวนจากด้านข้างบั้งไฟจะพุ่ง และหมุนขึ้นสู่อากาศเกิดเสียงดังตื้อๆ เวลาหมุนจะไม่ค่อยมีทิศทาง ใช้จุดเป็นชนวนในการจุดบั้งไฟใหญ่หรืองานศพ เวลาจุดมีอันตรายมากไม่คอยนิยมทำกัน
![]() |
อุปกรณ์
1. ดินปืนป่นละเอียดถ่าน 3(ดินประสิว 1กิโลกรัม ถ่าน 3 กรัม)
2. เลาไม้ไผ่เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 11/2 ลนไฟให้แห้งพอหมาด
3. ดินเหนียวป่นให้ละเอียดแล้วผสมน้ำพอหมาด
4. สากไม้ไผ่หรือเหล็กขนาดพอดีกับรูบองเลาไม้ไผ่
5. ฆ้อนสำหรับตีตอก
บั้งไฟจินาย
บั้งไฟจินายเป็น บั้งไฟขนาดเล็กยาวประมาณ 1-4 นิ้ว เส้นผ่าศูนย์กลางกว้างประมาณ 1/2- 2 นิ้วมีหางยาวประมาณ 1 ศอก เจาะรูที่ใช้จุดชนวนเฉพาะด้านล่างไม่ต้องทะลุขึ้นด้านบน เป็นบั้งไฟที่ใช้จุดเพื่อความสวยงามใช้จุดตามประเพณีต่างๆ เช่น งานบุญกฐิน บวชนาค ทอดผ้าป่า เป็นต้น บั้งไฟที่ใช้จุดในขบวนแหมีหลายขนาดบั้งไฟจินายเล็ก เรียกว่า ตะไล ทำจากไม้ซางหรืออ้อบั้งไฟจินายขนาดกลาง เรียกว่า ตะไล เป็นขนาดที่นิยมทำกันมากบั้งไฟจินายขนาดใหญ่ เรียกว่า ตะไลหมื่น จะมีรูปร่างกลมติดปีกเป็นขอบรอบหัวท้าย บั้งเหมือนขอบกระด้งเจาะรูกลางบั้ง เวลาจุดผู้จุดใช้มือจับเมื่อไฟติดหมื้อรีบขวางออกไป ตะไลจะพุ่งสู่อากาศอย่างสวยงาม
อุปกรณ์
1.ดินปืน (หมื้อ) ถ่าน 3
2.เลาไม้ไผ่ขนาด 1/2 -2 นิ้วลนไฟให้หมาด
3.เถียดดินเหนียวป่นละเอียดผสมนำพอหมาด
4.สากไม้กลมหรือสากเหล็กขนาดพอดีกับรูของเลา
5.ค้อนสำหรับตี
บั้งไฟจินายเวลาจะจุดต้องมี ไม้หลักที่มีอู้แล้วใช้หางเสียบลงไป เมื่อจุดแล้วบั้งไฟจะขึ้นในแนวตั้ง และหมุนขึ้นเป็นเกียว (จินายขนาดเล็ก)
ขั้นตอนการทำบั้งไฟ
การทำบั้งไฟนั้นจะต้องมีการศึกษาเรียนรู้ มีครูและมีศิษย์สืบทอดกันมาคนที่เป็นช่างทำบั้งไฟเรียกว่า "ช่างบั้งไฟ"โดยทั่วไปจะถ่ายทอดต่อกันนับพ่อกับลูก ลูกกับหลาน หรือครูกับศิษย์ เป็นคนๆเท่านั้น ไม่ใช่คนทั่วไปอยากเรียนก็จะเรียนได้หมด ครูจะเลือกถ่ายทอดให้ตัวต่อตัวสำหรับศิษย์ที่ครูเห็นว่ามีไหวพริบ และมีพรสวรรค์ด้านการทำบั้งไฟเท่านั้น ก่อนจะลงมือทำบั้งไฟต้องจัดหาอุปกรณ์ไว้ให้ครบเรียบร้อย เพื่อความสะดวกในการทำ การทำบั้งไฟในปัจจุบันกับสมัยโบราณจะต่างกันในเรื่องระยะเวลา ในปัจจุบันจังหวัดยโสธรจะกำหนดไว้เลยว่าจะจัดงานประเพณีบุญบั้งไฟในสัปดาห์ ที่ 2ของเดือนพฤษภาคมทุกปีอุปกรณ์ในการทำบั้งไฟในปัจจุบันหาได้ง่ายทันสมัยถ้า หากมีเงินเพียงพอบั้งไฟจะเสร็จประกอบด้วย
1.ไม้ที่จะทำลำกล้อง(เลา)และหางบั้งไฟ
2.ขี้เจีย (ดินประสิว)
3.ไม้ที่จะทำถ่าน
4.เชือก ลวด ตะปู
5.แผ่นสังกะสีแบนๆ
6.เถียดไม้หรือดิน
7.อุปกรณ์อื่นๆ ตามต้องการ
วิธีทำบั้งไฟ
เมื่อเตรียมวัสดุอุปกรณ์พร้อมแล้วดำเนินการดังนี้
![]() |
ถ้าดินประสิว 1 ส่วน ถ่าน 3 ส่วน เรียกว่าหมื้อถ่านสาม มีความเร็วปานกลาง
ถ้าดินประสิว 1 ส่วน ถ่าน 4 ส่วน เรียกว่าหมื้อถ่านสี่ มีความไวช้า หมื้อขับนิยมทำกันถึงถ่านแปด
1. ลำกล้อง นิยมนำลำไม้มาทะลุปล้องและตากให้แห้ง อาจจะใช้ต้นหมาก ลำตาล ไม้ประดู่ ไม้เนื้อแข็งที่มีคุณภาพดี ท่อเหล็กแป๊ปท่อน้ำ หรือเอลสลอน อย่างหนึ่งอย่างใดก็ได้ แล้วแต่คณะกรรมการจัดงานกำหนด
2. ตัวบั้งไฟ แบบดั้งเดิมใช้กระบอกไม้ไผ่ขนาดยาว สั้น ตามต้องการ ของแต่ละคูรมีสูตรไม่แน่นอน ไม่เหมือนกับใช้ไม้ไผ่สดทะลวงปล้อง กลวงกลางข้างในออกลนไฟให้แห้งพันรอบขันชะเนาะด้วยเชือกหวายหรือตอกไม้ไผ่ ควั่นให้แน่นเพื่อกันแตก บรรจุดิน ซึ่งเป็นดินปืนสูตรผสมที่เปฯความลับเฉพาะของช่างทำบั้งไฟนั้น ปัจจุบันตัวบั้งไฟนิยมทำด้วยท่อเหล็กหรือเอลสลอน บางครั้งมีลูกไฟด้วย
3. หางบั้งไฟ ไม้ที่จะใช้ทำหางบั้งไฟจะต้องใช้ไม้ไผ่ยาวๆเรียบๆ พอเหมาะกับม้ำหนังของตัวบั้งไฟมัดติดเข้ากับตัวบั้งไฟให้แน่นเพื่อเป็นหาง บังคบให้พุ่งตรงขึ้นไป
4. หมื้อหรือดินปืน เป็นวัสดุที่มีส่วนผสมกำมะถัน (คนอีสานเรียกว่ามาด ) ผสมกับดินระสิว ( คนอิสานเรียกว่าขี้เจีย )และถ่านที่ได้จากการเผาไม้เนื้ออ่อน เช่น ไม้ละอาง(นนทรี) ไม้สะคร่าง (หมากเล็กหมากน้อย) ไม้มะค่า เพราะมีเขม่าน้อยตำลัเอียดเร็วนอกจากนี้อาจใช้ไม้ฉำฉา หรือไม้สาบเสือก็ได้ แต่เป็นดินปืนแล้วเขม่ามาก
5. เถียด คือส่วนที่อยู่หัวท้ายของตัวบั้งไฟ ทำด้วยไม้กลมๆ หรือดินเหนียว กันแรงระเบิดพุ่งออกมา ต่อจากเถียดมีดินเหนียวคั่นหมื้อไว้อีกชั้นหนึ่งก่อนใส่เถียดท้ายบั้งไฟ ต้องเจาะรูชนวนซึ้งใช้จีวรพระหรือผ้าเก้ามัดให้ยาวตามต้องการ คลุกกับดีเกลื่อบรรจุเตามรูชนวน แล้วปล่อยหางชนวนไว้จุดไฟ
ขั้นตอนการทำหมื่อ
![]() |
1. เตรียมฟืน ใชไม้เนื้ออ่อนมาตัดเป็นท่อนๆ แล้วผ่าเป็นผืนจะใช้จำนวนมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับขนาดของบั้งไฟ
2. ผึ่งแดด นำฟืนที่ผ่าแล้วมาตากแดด
3. ขุดหลุม ขุดหลุมให้มีลักษณะกลม ขนาดจะเล็กหรือใหญ่ขึ้นอยู่กลับจำนวนฟืนเสร็จแล้วนำฟืนที่ตากอย่าให้แห้งมาก ลงวางในหลุมลักษณะการว่างฟืนจะวางเป็นรูกกรัโจม
4. เมื่อวางไม้ในหลุมแล้วก็จุดไฟเผาเหมือนเผาถ่าย
5. เมื่อฟืนไหม้หมดแล้วเหลือแต่ถ่านก็นำใบตองหรือสังกะสีมาปิดปากหลุมแล้วใช้ดินกลบปากหลุม ไม่ให้ควันออก
6. เก็บถ่าน นำถ่านที่ได้จากการเผาใส่ภาชนะแล้วนำไปผึ่งให้เย็น
7. เตรียมดินปืน โดยคั่วขี้เจีย (ดินประสิว) และถ่านร่วมกันโดยคั่วดินประสิวก่อน ต้มน้ำให้เดือดก่อนแล้วจึงเอาดินประสิวลงเมื่อละลายแล้วจึงนำถ่านมาคั่วรวม กัน
เคี่ยวต่อจนเกือบแห้งจึงนำขึ้นมาผึ่ง
8. โขลก นำถ่านและดินประสิวที่คั่วแล้วมาโขลกให้ละเอียด
9. ร่อน นำดินปืน หมื้อที่คั่วแล้วตำแล้วมาร่อนให้ละเอียด
10.ทดลองหมื้อหรือดินปืน เพื่อหาอัตราส่วนมี่สมดุลย์ ถ้าติดไฟเร็วแสดงว่าสมดุลย์ใช้ได้ แต่ถ้าติดไฟช้าแสดงว่าส่วนประกอบส่วนใดส่วนหนึ่งน้อยไป
เช่นอาจเป็นที่ดินประสิวหรือถ่านต้องคอยเติมเวลาคั่ว แล้วนำมาทดลองจนกว่าจะได้ที่ หมื้อ (ดินปืน) แบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ
1. หมื้อดินสุก หมายถึง การใช้ดินประสิวผสมกันแล้วนำไปคั่ว(ผสมน้ำเล็กน้อย)หมื้อชนิดนี้มีแรงอัด มากกว่า และมีอันตรายมาก สำหรับอัตราส่วนก็เหมือนกัน
2.หมื้อดินดิดบ หมายถึง การใช้ดินประสิวตำแล้วผสมถ่นตามสัดส่วน แบ่งหม้อออกเป็นหลายชนิด ตามแบบเดิมของช่างโบราณ โดยถือเป็นส่วนผสมของดินประสิว
และถ่าน เช่น ถ้าดินประสิว 2 ส่วน ถ่าน 2.5 ส่วน เรยกว่า หม้อสิบสลึง หรือเบี่ยห้า มีคว่ามเร็วมาก
หมื้อ (ดินปืน) แบ่งตามลักษณะการใช้ คือ
1. หมื้อถีบ เป็นหมื้อที่มีความไวสูง ผสมดินมาดและถ่านในอัตราส่วน 4:1/4:1คือ ดินบาด มาดเฟื้อง ถ่านสลึงใช้เป็นหมื้อปืนหรือหมื้อพลุ เพราะติดง่ายและไวไฟ
2. หมื้อขับ เป็นหมื้อที่มีความไวรองลงมา ได้แก่ หมื้อสิบสลึง หมื้อถ่านสามและหมื้อถ่านสี่ ใช้ในการทำบั้งไฟและตะไลทั่วไป
3. หมื้ออ่อน เป็นหม้อที่มีความไวไฟตำ ได้แก่ หมื้อตั้งแต่ถ่านห้าก้อนขึ้นไปใช้ใส่ในบั้งไฟ เมื่อต้องการแรงเฉื่อย เช่น ตอนปากกระบอกไฟ
4. หมื้อผสม เป็นหมื้อพิเศษ เป็นหมื้อพิเศษมีส่วนผสมแตกต่างกันออกไปเพื่อผลบางอย่าง ส่วนผสมจึงไม่แน่นอน เช่น ใส่นุน ขี้เหล็ก นำนม ฯลฯ เช่น หม้อไฟพะเนียง
สูตรหม้อ (ดินปืน)
ทั่วไปช่างทำบั้งไปจะใช่ หม้อบรรจุลงในตัวบั้งไฟจะขึ้นสูงแค่ไหน ขึ้นอยู่กับกลวิธีในการทำ การบรรจุ ถ้าผสมดินปืนแรงไปบั้งไฟจะเกิดระเบิดเสียก่อนหรือพอขึ้นไป
ได้เล็กน้อยก็จะระเบิด ระหว่างทาง เรียกว่า บั้งไฟแตก ถ้าผสมดินปืนอ่อนไป บั้งไฟจะขึ้นไปยังไม่พ้นฐานปล่อย ก็ตกลงไปคำรามอยู่บนพื้นดิน หรือคำรามอยู่กับที่ เรยกว่า "บั้งไฟซุ"
![]() |
การบรรจุดินปืน มีขั้นตอนดังต่อไปนี้
- ตอนหนึ่ง แรงยก
- ตอนสอง แรงขับส่ง
- ตอนสาม แรงพุ่ง
สูตรดินปืนบั้งไฟแสน ใช้ดินปืน 3 ช่วง
ช่วงที่ 1 ส่วนผสมดินประสิว 10 กิโลกรัม ใช้ถ่านผสม 4 กิโลกรัม
ช่วงที่ 2 ส่วนผสมดินประสิว 10 กิโลกรัม ใช้ถ่านผสม 3 กิโลกรัม
ช่วงที่ 3 ส่วนผสมดินประสิว 10 กิโลกรัม ใช้ถ่านผสม 2.5 กิโลกรัม
บั้งไฟแสน 1 บั้ง บรรจุดินปืน 12 กิโลกรัม
การเจาะรูชนวน
1. การเจาะรูชนวนแบบเศวตฉัตร ให้เอาเชือกเจาะอะไรก็ได้วัดความกว้างของบั้งไฟจากริมนอกข้างหนึ่ง ผ่าศุนย์กลางถึงถึงริมในอีกข้างหนึ่ง แล้วนำความยาวมาแบ่งเป็น 6 ส้วนหาความยาว 1 ใน 6 มาแบ่งเป็น 6 ส่วน ซึ่ง 1 ใน 6 ส่วนนี้คือความกว้างของรูชนวนช่วงแรก แล้วเอาความกว้างของรูชนวนช่วงแรกมาเป็นเป็น 6 ส่วน เจาะรูเท่ากัน 1ใน 6 ลดหลั่นไปทีละชวงจนถึงเถียดสลัก
2. การเจาะรูชนวนแบบตาลถอดยอด รูชนวนช่วงแรกมีขนาดทำแบบเศวตฉัตร เอาความกว้างของรูแค่ 1 ใน 2 ลดหลั่นกันไป ทั้งสองแบบนี้เป็นแบบจุดชนวนทางหัว ซึ่งสมัยก่อนชอบทำ เพราะไม่มีแป๊บเหล็กทำบั้งไฟ
3. การเจาะรูชนวนแบบโมคตัลลาหลงทวีป ซึ่งจะเจาะรูแบบใดก็ได้ แต่หัวบั้งไฟมีเถียดหรือสลักแน่นหนา แบบนี้ใช้จุดชนวนท้ายบั้ง เป็นวิธีการค่อนข้างใหม่ ถ้าจะใช้พุ่งแรงไปให้ได้ไกล ๆ สูง ๆ ให้บรรจุกำมะถันลงไปตรงงเถียดหลังมาก ๆ จะมีแรงระเบิด ระเบิดมาก การเจาะรูเพื่อใส่ชนวนนี้ต้องอาศัยความชำนาญ เพราะถ้าทำไม่ดีอาจก่อให้เกิดอันตรายเวลาจุดบรรจุดินปืน นำดินปืนบรรจุลงในเลาแล้วอัดให้แน่นจนเกือบเต็มแล้วปิดรูอีดด้านให้แน่นเจาะ รูลำกล้อง เมื่ออัดดินปืนแน่นแล้ว ก็เจาะรูลำกล้องสำหรับใส่ชนวนนำลำกล้องที่เจาะรูแล้วมามัดเข้าทางบั้งไฟ เตรียมประกอบรูปร่าง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น